การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 87

86
log CFU/mL ตามลาดั
บ ที่
เวลา32 ชั่
วโมงของการเลี้
ยงในฟลาส์
ก ดั
งแสดงในภาพที่
2B ซึ่
งสอดคล้
องกั
บรายงานที่
พบว่
เปปโตนเป็
นแหล่
งไนโตรเจนที่
เหมาะสมที่
สุ
ดต่
อการผลิ
ตเอนไซม์
อั
ลฟาอะไมเลสและแหล่
งไนโตรเจนอิ
นทรี
ย์
สามารถผลิ
เอนไซม์
ได้
สู
งกว่
าแหล่
งไนโตรเจนอนิ
นทรี
ย์
[15] ทั้
งนี้
เนื่
องจากแหล่
งไนโตรเจนอิ
นทรี
ย์
มี
สารประกอบที่
เหมาะสมต่
อการเติ
บโต
ของจุ
ลิ
นทรี
ย์
มากกว่
า ในขณะที่
แหล่
งไนโตรเจนอนิ
นทรี
ย์
จะมี
องค์
ประกอบของเกลื
อร่
วมอยู่
ด้
วยในช่
วงระหว่
างการเพาะเลี้
ยง
pH ในอาหารเลี้
ยงเชื้
อเกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงส่
งผลต่
อการเติ
บโตของเชื้
อและการผลิ
ตเอนไซม์
ได้
[16]
ภาพที่
2
ผลของแหล่
งไนโตรเจนต่
อการผลิ
ตเอนไซม์
อั
ลฟาอะไมเลส(A) และการผลิ
ตเซลล์
แบคที
เรี
ยของ
Bacillus
A5 และ
Bacillus
S9 (B) ในการเพาะเลี้
ยงเชื้
อผสม
สรุ
ปผลการวิ
จั
Bacillus
A5 มี
สมบั
ติ
การผลิ
ตกรดสู
งและสามารถยั
บยั้
งการเจริ
ญของเชื้
Staphylococcus aureus
และ
Salmonella
Typhimurium ได้
ในขณะที่
Bacillus
S9 เป็
นสายพั
นธุ์
ที่
สร้
างเอนไซม์
อั
ลฟาอะไมเลสได้
สู
งสุ
ด และเมื่
อใช้
Bacillus
A5 เติ
มลงในอาหารสุ
กรหย่
านมพบว่
า น้
าหนั
กหมู
เฉลี่
ยและอั
ตราการแลกเนื้
อสู
งขึ้
นตลอดช่
วงของการทดลอง
ดั
งนั้
Bacillus
A5 เป็
นแบคที
เรี
ยเสริ
มชี
วนะที่
เป็
นอี
กทางเลื
อกหนึ่
งในการใช้
ทดแทนยาปฏิ
ชี
วนะซึ่
งสามารถช่
วยเพิ่
มน้้
าหนั
กตั
วของ
สุ
กรหย่
านมได้
โดยในการทดลองนี้
เติ
มมั
นสาปะหลั
งความเข้
มข้
น 2 กรั
มต่
อลิ
ตรเป็
นวั
ตถุ
ดิ
บและเติ
มเปปโตนความเข้
มข้
น 2
กรั
ม/ลิ
ตร ซึ่
งเป็
นแหล่
งไนโตรเจนที่
เหมาะสมได้
กิ
จกรรมเอนไซม์
อั
ลฟาอะไมเลสสู
งสุ
ดเท่
ากั
บ 1.60 U/L และมี
ปริ
มาณเซลล์
ของ
Bacillus
A5และS9 เท่
ากั
บ 9.94 และ 10.60
log CFU/mL ตามลาดั
คาขอบคุ
งานวิ
จั
ยนี้
ได้
รั
บทุ
นสนั
บสนุ
นจากสานั
กงานกองทุ
นสนั
บสนุ
นการวิ
จั
ย(สกว.)โครงการทุ
นวิ
จั
ยมหาบั
ณฑิ
ต สกว. สาขา
วิ
ทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
ประจาปี
งบประมาณ 2555 และทุ
นทุ
นอุ
ดหนุ
นวิ
จั
ยจากสถาบั
นวิ
จั
ยและพั
ฒนาแห่
มหาวิ
ทยาลั
ยเกษตรศาสตร์
ประจาปี
งบประมาณ 2556
เอกสารอ้
างอิ
[1] Fuller, R. (1989). Probiotics in man and animals.
J. Appl. Bacteriol.
66(5), 365-378.
[2] Guo, X. H., Kim, J. M., Nam, H. M., Park, S. Y., & Kim, J. M. (2010). Screening lactic acid bacteria from
swine origins for multistrain probiotics based on in vitro functional properties.
Anaerobe,
16(4), 321-
326.
[3] Nakai, S. A., & Siebert, K. J. (2003). Validation of bacterial growth inhibition models based on molecular
properties of organic acids.
International journal of food microbiology
, 86(3), 249-255.
A
B
1...,77,78,79,80,81,82,83,84,85,86 88,89,90,91,92,93,94,95,96,97,...300
Powered by FlippingBook