6
สาหรั
บการสารวจความจาเป็
นในการพั
ฒนาภาวะผู
้
นานี
้
เป็
นปั
จจั
ยสาคั
ญที่
จะส่
งผลต่
อการบรรลุ
วั
ตถุ
ประสงค์
ของการฝึ
กอบรม ซึ
่
งผู
้
วิ
จั
ยหาความจาเป็
นในการฝึ
กอบรมโดยใช้
แบบสอบถามเป็
นเครื่
องมื
อในการสารวจ
หาความจาเป็
น และ อ้
อม ประนอม (2540 : 9) กล่
าวว่
า ลั
กษณะของหลั
กสู
ตรการฝึ
กอบรมที่
ดี
จะต้
องเกิ
ดจาก
การวิ
เคราะห์
หาความจาเป็
นในการฝึ
กอบรมว่
าตรงกั
บความต้
องการของผู
้
เข้
าอบรมเพี
ยงใด
จากข้
อสรุ
ปการสารวจความคิ
ดเห็
นเกี่
ยวกั
บความจาเป็
นในการพั
ฒนา จะเห็
นได้
ว่
า ความจาเป็
น
ด้
านการบริ
หารจั
ดการภายในสถานศึ
กษา ตามกรอบมาตรฐานเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่
อสารเพื่
อการศึ
กษา
สาหรั
บสถานศึ
กษาขั
้
นพื
้
นฐานของกระทรวงศึ
กษาธิ
การ มี
ความจาเป็
นในการพั
ฒนาเป็
นอั
นดั
บแรก และด้
านการ
มี
ส่
วนร่
วมของชุ
มชนมี
ความสาคั
ญเป็
นอั
นดั
บท้
ายสุ
ด โดยสอดคล้
องกั
บ ฤทั
ยทรั
พย์
ดอกคา (2553 : 269-274)
ทาการศึ
กษารู
ปแบบการพั
ฒนาภาวะผู
้
นาของผู
้
บริ
หารโรงเรี
ยนขนาดเล็
กที่
ส่
งผลต่
อประสิ
ทธิ
ผลโรงเรี
ยน พบว่
า
ประสิ
ทธิ
ผลของโรงเรี
ยนขนาดเล็
กตามลาดั
บความสาคั
ญ มี
ดั
งนี
้
1) ด้
านการบริ
หารจั
ดการ 2) ด้
านการจั
ดกิ
จกรรมการ
เรี
ยนการสอน 3) ด้
านครู
4) ด้
านผู
้
เรี
ยน 5) ด้
านความพร้
อม และความเข้
มแข็
งของโรงเรี
ยน และ 6) ด้
านการมี
ส่
วนร่
วม
ของชุ
มชน และ ชฎาภรณ์
สงวนแก้
ว (2549 : 68-73) ทาการศึ
กษาการบริ
หารเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่
อสาร
ของโรงเรี
ยนต้
นแบบการพั
ฒนาการใช้
ไอซี
ที
เพื่
อการเรี
ยนรู
้
พบว่
า ระดั
บการบริ
หารเทคโนโลยี
สารสนเทศและการ
สื่
อสารของโรงเรี
ยนต้
นแบบการพั
ฒนาการใช้
ไอซี
ที
เพื่
อการเรี
ยนรู
้
โดยภาพรวมทั
้
ง 4 ด้
าน อยู่
ในระดั
บดี
และเมื่
อ
พิ
จารณารายด้
าน พบว่
า อยู่
ในระดั
บดี
ทั
้
ง 4 ด้
าน คื
อ การวางแผน การนา การจั
ดองค์
การ และการควบคุ
ม ตามลาดั
บ
3. หลั
กสู
ตรการพั
ฒนาภาวะผู
้
นาด้
านเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่
อสารของผู
้
บริ
หารสถานศึ
กษา
ขั
้
นพื
้
นฐาน ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ ที่
ผ่
านการตรวจสอบจากผู
้
เชี่
ยวชาญ พบว่
า โครงร่
างหลั
กสู
ตรมี
ความเหมาะสม
อยู่
ในระดั
บมาก และมี
ความสอดคล้
องกั
นทุ
กประเด็
น
จากผลการประเมิ
นทั
้
งในด้
านความเหมาะสมและความสอดคล้
อง แสดงให้
เห็
นว่
าโครงร่
างหลั
กสู
ตร
ที่
พั
ฒนาขึ
้
นนั
้
นสามารถนาไปทดลองใช้
ได้
อย่
างมี
คุ
ณภาพ ทั
้
งนี
้
เนื่
องจากกระบวนการในการพั
ฒนาของผู
้
วิ
จั
ยดาเนิ
นการ
พั
ฒนาตามกระบวนการพั
ฒนาหลั
กสู
ตรของ Tyler (1949 : 1) Taba (1962 : 422-425) Saylor Alexander และ Lewis
(1981 : 30-39) Oliva (1992 : 163) และวิ
ชั
ย วงษ์
ใหญ่
(2535 : 5-23) โดยเริ่
มจากการศึ
กษาและวิ
เคราะห์
ข้
อมู
ลพื
้
นฐาน
เพื่
อนาผลการศึ
กษาที่
ได้
มากาหนดเป็
นโครงร่
างหลั
กสู
ตรที่
เหมาะสมและสอดคล้
องกั
บสภาพปั
ญหาที่
แท้
จริ
ง ตลอดจน
มี
การตรวจสอบความเหมาะสม และความสอดคล้
องของโครงร่
างหลั
กสู
ตรจากผู
้
เชี่
ยวชาญด้
านต่
าง ๆ แล้
วปรั
บปรุ
งแก้
ไข
ตามข้
อเสนอแนะเพื่
อให้
ได้
โครงร่
างหลั
กสู
ตรที่
สมบู
รณ์
ก่
อนนาไปทดลองใช้
ต่
อไป
4. การพั
ฒนาภาวะผู
้
นาด้
านเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่
อสารของผู
้
บริ
หารสถานศึ
กษาขั
้
นพื
้
นฐาน
ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ พบว่
า ผู
้
เข้
ารั
บการพั
ฒนามี
ความรู
้
หลั
งการพั
ฒนาสู
งกว่
าก่
อนการพั
ฒนาอย่
างมี
นั
ยสาคั
ญ
ทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .05 มี
พฤติ
กรรมระหว่
างการพั
ฒนาอยู่
ในระดั
บดี
มากทุ
กข้
อ มี
ความพึ
งพอใจต่
อการพั
ฒนาอยู่
ในระดั
บ
มากที่
สุ
ด
ในการประเมิ
นผลการฝึ
กอบรมนี
้
Kirkpatrick (as cited in Wemer & DeSimone. 2006 : 236) ได้
เสนอ
แนวคิ
ดในการประเมิ
นผลการฝึ
กอบรมโดยได้
กาหนดผลลั
พธ์
ของการอบรมไว้
เป็
น 4 ระดั
บ ได้
แก่
ปฏิ
กิ
ริ
ยาของ
ผู
้
เข้
ารั
บการฝึ
กอบรม การเรี
ยนรู
้
ของผู
้
เข้
ารั
บการฝึ
กอบรม พฤติ
กรรมการทางาน และผลลั
พธ์
ที่
ต้
องการ ซึ
่
งสอดคล้
องกั
บ
อติ
ญาณ ศรเกษตริ
น (2543 : 93-109) ทาการสร้
างหลั
กสู
ตรฝึ
กอบรมเพื่
อเสริ
มสร้
างความเป็
นผู
้
นาสาหรั
บนั
กศึ
กษา
พยาบาล พบว่
า ผลสั
มฤทธิ
์
และเจตคติ
ของการทดสอบก่
อนและหลั
งการใช้
หลั
กสู
ตรฝึ
กอบรมแตกต่
างกั
นอย่
าง
มี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .05 และสอดคล้
องกั
บ สุ
พจน์
แสงเงิ
น (2550 : 163-178) ทาการพั
ฒนาหลั
กสู
ตร
การฝึ
กอบรมเพื่
อเสริ
มสร้
างความเป็
นผู
้
นาสาหรั
บสมาชิ
กองค์
การบริ
หารส่
วนตาบลจั
งหวั
ดนนทบุ
รี
พบว่
า ผลการ