การที่
ผลสั
มฤทธิ
์
ทางการเรี
ยนโดยวั
ดจากคะแนนในการตอบข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ยในรายวิ
ชา
การจั
ดการการผลิ
ตของผู
้
เรี
ยน ภายหลั
งที่
ผู
้
เรี
ยนได้
ฝึ
กทั
กษะด้
วยแบบฝึ
กทั
กษะการเขี
ยนตอบข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ย
ที่
คณะผู
้
วิ
จั
ยสร้
างขึ
้
นสู
งกว่
าก่
อนที่
ผู
้
เรี
ยนได้
รั
บการฝึ
กทั
กษะนั
้
น เนื่
องจากก่
อนได้
รั
บการฝึ
กทั
กษะ ผู
้
เรี
ยนไม่
มี
ทิ
ศทาง
หรื
อแนวทางในการตอบคาถามในการเขี
ยนตอบข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ยแต่
อย่
างใด จากการศึ
กษาจากการเขี
ยนตอบข้
อสอบ
ประเภทอั
ตนั
ยชุ
ดที่
(ก่
อนการฝึ
กทั
กษะ) พบว่
าการเขี
ยนคาตอบไม่
ตรงประเด็
น ตอบคาถามไม่
ครบถ้
วน ขาดการนาเสนอ
ข้
อมู
ลโดยการใช้
หลั
กการ แนวคิ
ด ทฤษฎี
ในประเด็
นนั
้
น ๆ ประกอบคาตอบ ผู
้
เรี
ยนไม่
ยกตั
วอย่
างประกอบที่
มี
ความชั
ดเจน
และตรงประเด็
นมาขยายความในการตอบให้
ชั
ดเจนยิ่
งขึ
้
น แนวทางในการเรี
ยบเรี
ยงตลอดจนการใช้
ภาษาไม่
ชั
ดเจน วนไปมา
ไม่
มี
จุ
ดเน้
น ขาดจุ
ดมุ่
งหมาย เป็
นการเขี
ยนไปเรื่
อย ๆ เนื่
องจากผู
้
เรี
ยนขาดการวางแผนผั
งความคิ
ดล่
วงหน้
า ว่
าจะเขี
ยนตอบ
กี่
ประเด็
น และแต่
ละประเด็
นจะนาเสนอเนื
้
อหาอะไรบ้
าง แต่
หลั
งจากผู
้
เรี
ยนได้
รั
บการฝึ
กทั
กษะการเขี
ยนตอบข้
อสอบประเภท
อั
ตนั
ย คะแนนที่
ได้
จากการตอบข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ยในข้
อสอบชุ
ดที่
มี
คะแนนสู
งขึ
้
น เนื่
องจากผู
้
เรี
ยนสามารถแก้
ไข
จุ
ดบกพร่
องต่
าง ๆ ที่
ได้
กล่
าวไว้
ข้
างต้
นได้
ดี
ในระดั
บหนึ
่
ง ซึ
่
งสอดคล้
องกั
บงานวิ
จั
ยของกมล โพธิ
เย็
น ( ) ที่
กล่
าวว่
า ผู
้
ตอบ
ข้
อสอบในลั
กษณะคาถามประเภทนี
้
จะต้
องพยายามรวบรวมข้
อมู
ลความรู
้
สาคั
ญในสิ่
งที่
ข้
อสอบถามให้
ได้
มากที่
สุ
ด
และนามาจั
ดลาดั
บความคิ
ดเหล่
านี
้
ให้
เป็
นหมวดหมู่
และเขี
ยนเรี
ยบเรี
ยงประเด็
นความคิ
ดให้
ถู
กต้
องตรงตามคาถาม
การที่
ผู
้
เรี
ยนมี
ระดั
บความคิ
ดเห็
นในภาพรวมที่
มี
ต่
อการได้
รั
บการฝึ
กทั
กษะการเขี
ยนตอบข้
อสอบ
ประเภทอั
ตนั
ยที่
คณะผู
้
วิ
จั
ยสร้
างขึ
้
นอยู่
ในระดั
บมาก เป็
นเพราะว่
าวิ
ธี
การดาเนิ
นกิ
จกรรมในการฝึ
กทั
กษะเน้
นการนาเสนอ
แนวทางปฏิ
บั
ติ
ที่
เป็
นรู
ปธรรมอย่
างชั
ดเจน นาไปสู่
เป้
าหมายที่
มี
ลาดั
บขั
้
นตอนอย่
างชั
ดเจน ผู
้
เรี
ยนสามารถดาเนิ
นการเขี
ยนตอบ
ข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ยได้
ตามขั
้
นตอนและแนวทางที่
รู
ปแบบได้
กาหนดไว้
นอกจากนี
้
กิ
จกรรมดั
งกล่
าวยั
งเป็
นกิ
จกรรม
ที่
เน้
นการทางานเป็
นกลุ่
ม ทาให้
ผู
้
เรี
ยนมี
โอกาสใช้
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
ระหว่
างกั
น ซี่
งเป็
นประโยชน์
ในการช่
วยกั
นระดมสมอง
และวางแผนผั
งโครงร่
างความคิ
ด เพื่
อกาหนดกรอบการตอบข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ยให้
เกิ
ดประสิ
ทธิ
ภาพสู
งสุ
ด ปฏิ
สั
มพั
นธ์
เป็
นหั
วใจสาคั
ญของระบบไม่
ใช่
เป็
นการมองอย่
างแยกส่
วนที่
ละองค์
ประกอบ เพราะระบบจะเกิ
ดขึ
้
นได้
เนื่
องจากการเชื่
อมโยง
เข้
ากั
นอย่
างลงตั
ว (ฤทั
ยรั
ตน์
ธรเสนา, )
ข้
อเสนอแนะ
คณะผู
้
วิ
จั
ยมี
ข้
อเสนอแนะ ดั
งประเด็
นต่
อไปนี
้
พั
ฒนารู
ปแบบการฝึ
กทั
กษะการเขี
ยนตอบข้
อสอบแบบอั
ตนั
ย ไปสู่
ระบบ E-learning เพื่
อให้
ผู
้
เรี
ยน
ได้
มี
โอกาสฝึ
กฝนทั
กษะด้
วยตนเองในช่
วงเวลาที่
ว่
างจากเรี
ยนในชั
้
นเรี
ยน
นารู
ปแบบการฝึ
กทั
กษะการเขี
ยนตอบข้
อสอบประเภทอั
ตนั
ย ไปใช้
ในการฝึ
กทั
กษะในรายวิ
ชาอื่
น ๆ
เพื่
อให้
ผลสั
มฤทธิ
์
ทางการเรี
ยนของนั
กศึ
กษาเกิ
ดประสิ
ทธิ
ภาพสู
งยิ่
งขึ
้
น
เอกสารอ้
างอิ
ง
กมล โพธิ
เย็
น. ( ).
รู
ปแบบการพั
ฒนาความคิ
ดอย่
างเป็
นระบบเพื่
อสร้
างเสริ
มความสามารถ ด้
วยทั
กษะการเขี
ยน
ภาษาไทยของนั
กศึ
กษาระดั
บปริ
ญญาตรี
โดยใช้
แนวคิ
ดทฤษฎี
ไตรอาร์
ขิ
กและวิ
ธี
การสแกฟโฟลด์
.
วิ
ทยานิ
พนธ์
ระดั
บปริ
ญญาเอก ปรั
ชญาดุ
ษฎี
บั
ณฑิ
ต สาขาวิ
ชาวิ
จั
ยและจิ
ตวิ
ทยาการศึ
กษา. กรุ
งเทพฯ : จุ
ฬาลงกรณ์
มหาวิ
ทยาลั
ย.