7
ได้
รั
บ ไปปรั
บเปลี่
ยนพฤติ
กรรมการปฏิ
บั
ติ
การส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กที่
ไม่
พึ
งประสงค์
ให้
เป็
นพฤติ
กรรมที่
พึ
งประสงค์
ได้
(ธนพร โกมะหะวงศ์
, 2544; ศุ
ภร น้
อยใจบุ
ญ, 2545; สถาบั
นเด็
ก มู
ลนิ
ธิ
เด็
ก, 2545) รวมทั
้
งผู
้
ปกครองส่
วนใหญ่
เป็
นมารดา
ที่
มี
บุ
ตรอยู่
ในวั
ยที่
สอดคล้
องกั
บโปรแกรมการสอนและคู
่
มื
อ ทาให้
มี
ความสนใจและต้
องการให้
บุ
ตรมี
พั
ฒนาการที่
ดี
จึ
ง
ทาให้
การเรี
ยนรู
้
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพจนสามารถนาไปปฏิ
บั
ติ
พฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กได้
ดี
กว่
ากลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บ
โปรแกรมกา รสอน และผลกา รวิ
จั
ยจ านวนหนึ
่
ง พบว่
าคว ามรู
้
มี
คว ามสั
มพั
นธ์
ทางบวกกั
บพฤติ
กรรม
(ธนพร โกมะหะวงศ์
, 2544; ศุ
ภร น้
อยใจบุ
ญ, 2545; สถาบั
นเด็
ก มู
ลนิ
ธิ
เด็
ก, 2545)
ส่
วนกลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอนมี
ค่
าเฉลี่
ยคะแนนความรู
้
ก่
อนและหลั
งการทดลองไม่
แตกต่
างกั
น ซึ
่
ง
สนั
บสนุ
นสมมติ
ฐานข้
อ 4 ของการวิ
จั
ย อาจเพราะจากข้
อมู
ลทั่
วไปของกลุ่
มควบคุ
มพบว่
า ผู
้
ปกครองจบการศึ
กษาระดั
บ
ประถมศึ
กษามากที่
สุ
ด แม้
ส่
วนใหญ่
จะเคยได้
รั
บความรู
้
เกี่
ยวกั
บการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กจากพยาบาลหรื
อเจ้
าหน้
าที่
สาธารณสุ
ขและจากโทรทั
ศน์
ซึ
่
งอาจจะเป็
นความรู
้
ทางทฤษฏี
แต่
ไม่
ได้
ทดลองฝึ
กปฏิ
บั
ติ
จริ
ง ทาให้
กลุ่
มควบคุ
มที่
ไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอนและไม่
ได้
รั
บคู
่
มื
อจากการวิ
จั
ยนี
้
ยั
งคงขาดความรู
้
ความเข้
าใจในการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ย
อย่
างถู
กต้
องเหมาะสมและชั
ดเจน
ค่
าเฉลี่
ยคะแนนพฤติ
กรรมหลั
งการทดลองต
่
ากว่
าก่
อนการทดลองอย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ 0.01
ผลการวิ
จั
ยนี
้
แตกต่
างจากผลการวิ
จั
ยก่
อนๆ ซึ
่
งพบว่
าคะแนนเฉลี่
ยพฤติ
กรรมของผู
้
ปกครองกลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการ
สอนก่
อนและหลั
งการทดลองไม่
แตกต่
างกั
น (ธนพร โกมะหะวงศ์
, 2544; ศุ
ภร น้
อยใจบุ
ญ, 2545) การที่
ผลการทดลอง
ไม่
สนั
บสนุ
นสมมติ
ฐานข้
อ 4 เนื่
องจากกลุ่
มควบคุ
มไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอนและคู
่
มื
อจากการวิ
จั
ยนี
้
ประกอบกั
บกลุ่
ม
ควบคุ
มจบการศึ
กษาระดั
บประถมศึ
กษามากที่
สุ
ด จึ
งยั
งคงขาดความรู
้
ความเข้
าใจในวิ
ธี
การและไม่
ทราบความสาคั
ญของ
การส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ย ทาให้
ไม่
ได้
ปฏิ
บั
ติ
พฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กอย่
างถู
กต้
องเหมาะสม ซึ
่
ง
ผลการวิ
จั
ยจานวนหนึ
่
งพบว่
า ความรู
้
มี
ความสั
มพั
นธ์
ทางบวกกั
บพฤติ
กรรม ซึ
่
งความรู
้
เป็
นปั
จจั
ยพื
้
นฐานที่
ทาให้
มนุ
ษย์
รู
้
จั
กคิ
ดพิ
จารณาในการที่
จะปฏิ
บั
ติ
พฤติ
กรรมที่
ถู
กต้
องเหมาะสม (จารี
ศรี
นิ
ราช
,
2541)
สรุ
ปผลการวิ
จั
ย
ผลการวิ
จั
ยนี
้
แสดงให้
เห็
นว่
าการใช้
โปรแกรมการสอนร่
วมกั
บการให้
คู
่
มื
อไปศึ
กษาทบทวนความรู
้
ด้
วยตนเองที่
บ้
านมี
ประสิ
ทธิ
ภาพ ทาให้
ให้
ผู
้
ปกครองมี
ความรู
้
ความเข้
าใจในวิ
ธี
การ และเห็
นความสาคั
ญของการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการ
เด็
กปฐมวั
ย จึ
งสามารถประสมประสานความรู
้
ทางทฤษฏี
และทั
กษะในการปฏิ
บั
ติ
นาไปสู่
การปรั
บเปลี่
ยนพฤติ
กรรมใน
การส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กได้
อย่
างถู
กต้
องเหมาะสมและมี
คุ
ณภาพดี
ขึ
้
น
คาขอบคุ
ณ
ขอขอบคุ
ณมหาวิ
ทยาลั
ยพายั
พที่
สนั
บสนุ
นทุ
นในการวิ
จั
ย (ปี
การศึ
กษา 2550) และขอบคุ
ณศู
นย์
พั
ฒนาเด็
กเล็
ก
แพะแม่
แฝกใหม่
อาเภอ สั
นทราย จั
งหวั
ดเชี
ยงใหม่
ที่
อนุ
เคราะห์
สถานที่
ในการดาเนิ
นการวิ
จั
ยและเก็
บรวบรวมข้
อมู
ล