3
4. เปรี
ยบเที
ยบความรู
้
และพฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ยของผู
้
ปกครองกลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บโปรแกรม
การสอน ก่
อนและหลั
งการทดลอง
สมมติ
ฐานของการวิ
จั
ย
1 ค่
าเฉลี่
ยคะแนนความรู
้
และพฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ยของปกครองกลุ่
มที่
ได้
รั
บโปรแกรม
การสอนและกลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอน ก่
อนการทดลองไม่
แตกต่
างกั
น
2. ค่
าเฉลี่
ยคะแนนความรู
้
และพฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ยหลั
งการทดลองของผู
้
ปกครองกลุ่
ม
ที่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอนสู
งกว่
ากลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอน
3. ค่
าเฉลี่
ยคะแนนความรู
้
และพฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ยของผู
้
ปกครองกลุ่
มที่
ได้
รั
บ
โปรแกรมการสอน หลั
งการทดลองสู
งกว่
าก่
อนการทดลอง
4. ค่
าเฉลี่
ยคะแนนความรู
้
และพฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ยของผู
้
ปกครองกลุ่
มที่
ไม่
ได้
รั
บ
โปรแกรมการสอน ก่
อนและหลั
งการทดลองไม่
แตกต่
างกั
น
วิ
ธี
การวิ
จั
ย
การวิ
จั
ยนี
้
เป็
นการวิ
จั
ยกึ
่
งทดลอง (quasi-experimental research) แบบสองกลุ่
ม คื
อกลุ่
มทดลองได้
รั
บโปรแกรม
การสอนและกลุ่
มควบคุ
มไม่
ได้
รั
บโปรแกรมการสอน วั
ดผลก่
อนและหลั
งการทดลอง (pretest-posttest control group
designs)
กลุ่
มตั
วอย่
างเป็
นผู
้
ปกครองของเด็
กอายุ
2-5 ปี
ที่
มารั
บบริ
การที่
ศู
นย์
ฯ ระหว่
างเดื
อนตุ
ลาคม 2550 ถึ
ง เดื
อน
มกราคม 2551 จานวน 80 คน การเลื
อกกลุ่
มตั
วอย่
างใช้
การสุ่
มอย่
างง่
าย (simple random sampling) จากประชากรทั
้
งหมด
จานวน 160 คน แล้
วจั
บฉลากแบบไม่
มี
การแทนที่
จานวน 80 คน แบ่
งเข้
ากลุ่
มทดลองหรื
อกลุ่
มควบคุ
มโดยการสุ่
มแบบ
จั
บคู
่
(randomized matching) ตามระดั
บคะแนนความรู
้
และพฤติ
กรรมก่
อนการทดลอง (pretest) แล้
วแยกแต่
ละคู
่
เป็
นกลุ่
ม
ทดลองและกลุ่
มควบคุ
มกลุ่
มละ 40 คน
เครื่
องมื
อที่
ใช้
ในการวิ
จั
ย
เครื่
องมื
อที่
ใช้
ในการดาเนิ
นการวิ
จั
ยคื
อโปรแกรมการสอน ประกอบด้
วย แผนการสอนและคู
่
มื
อการส่
งเสริ
ม
พั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ย 5 ด้
าน คื
อการเคลื่
อนไหว การใช้
กล้
ามเนื
้
อมั
ดเล็
กและสติ
ปั
ญญา การเข้
าใจภาษา การใช้
ภาษา และ
การช่
วยเหลื
อตนเองและสั
งคม ซึ
่
งผู
้
วิ
จั
ยสร้
างขึ
้
นจากการทบทวนวรรณกรรมและบางส่
วนดั
ดแปลงจากคู
่
มื
อส่
งเสริ
ม
พั
ฒนาการเด็
ก: การทดสอบและฝึ
กทั
กษะ (โรงพยาบาลราชานุ
กู
ล, 2537) ตรวจสอบความตรงตามเนื
้
อหา โดย
ผู
้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
3 ท่
าน และปรั
บแก้
ตามข้
อเสนอแนะของผู
้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
ก่
อนนาไปทดลองใช้
กั
บผู
้
ปกครองมี
คุ
ณสมบั
ติ
เช่
นเดี
ยวกั
บกลุ่
มตั
วอย่
างที่
ศึ
กษาจานวน 5 คน
เครื่
องมื
อในการเก็
บรวบรวมข้
อมู
ล เป็
นแบบสอบถามที่
ผู
้
วิ
จั
ยสร้
างขึ
้
นจากการทบทวนวรรณกรรม คื
อ ข้
อมู
ล
ทั่
วไปของผู
้
ปกครองและเด็
ก และแบบวั
ดความรู
้
และแบบสอบถามพฤติ
กรรมการส่
งเสริ
มพั
ฒนาการเด็
กปฐมวั
ยของ
ผู
้
ปกครอง ที่
ครอบคลุ
มพั
ฒนาการเด็
กทั
้
ง 5 ด้
าน ผ่
านการตรวจสอบโดยผู
้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
จานวน 3 ท่
าน ได้
ค่
าความตรงตาม
เนื
้
อหา (Content Validity Index) ของแบบวั
ดความรู
้
และแบบสอบถามพฤติ
กรรมเท่
ากั
บ 0.88
และ 1.00
ตามลาดั
บ
ปรั
บแก้
ตามข้
อเสนอแนะของผู
้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
แล้
วนาไปทดลองใช้
กั
บผู
้
ปกครองที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
เช่
นเดี
ยวกั
บกลุ่
มตั
วอย่
างที่
ศึ
กษาจานวน 30 คน จากนั
้
นคานวณค่
าความเชื่
อมั่
น (reliability) ของแบบวั
ดความรู
้
โดยใช้
คู
เดอร์
ริ
ชาร์
ดสั
น 20 (Kuder–