สิ่
งนั
้
น ในที่
สุ
ดจะกลายเป็
น ความคิ
ด อุ
ดมคติ
ซึ
่
งจะทาหน้
าที่
ควบคุ
มพฤติ
กรรม ประกอบด้
วยขั
้
นรั
บรู
้
ขั
้
นตอบสนอง
ขั
้
นเห็
นคุ
ณค่
า ขั
้
นจั
ดระบบ ขั
้
นเกิ
ดกิ
จนิ
สั
ย ซึ
่
งสอดคล้
องกั
บ ทฤษฎี
การกระจ่
างค่
านิ
ยมที่
เสนอโดย แรธ ฮาร์
มิ
นและ
ไซมอน (จิ
ตรา ใจทั
ศน์
กุ
ล.2546. อ้
างอิ
งจาก Raths, Harmin and Simon.1966) ซึ
่
งจิ
ตรา ใจทั
ศน์
กุ
ลได้
นามาปรั
บใช้
ใน
การเรี
ยนการสอนโดยได้
ทาการวิ
จั
ยเรื่
องกระบวนการสร้
า งค่
านิ
ยมเรื่
องสั
มมาวาจาเพื่
อพั
ฒนาพฤติ
กรรมการใช้
วาจาที่
เหมาะสม ของนั
กเรี
ยนชั
้
นมั
ธยมศึ
กษาปี
ที่
6 โรงเรี
ยนรั
ตนราษฎร์
บารุ
ง จั
งหวั
ดราชบุ
รี
พบว่
า ค่
าเฉลี่
ยของคะแนน
พฤติ
กรรมด้
านการไม่
พู
ดเท็
จหลั
งเรี
ยนสู
งกว่
าก่
อนเรี
ยนมากกว่
าการพั
ฒนาพฤติ
กรรมด้
านอื่
น
2. การเปรี
ยบเ ที
ยบคุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
ของนั
กเรี
ยนก่
อนและหลั
งการใช้
ชุ
ดกิ
จกรรมแนะแนว เพื
่
อ
เสริ
มสร้
างคุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
พบว่
า หลั
งการใช้
ชุ
ดกิ
จกรรมแนะแนวเพื่
อเสริ
มสร้
างคุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
นั
กเรี
ยนระดั
บชั
้
นมั
ธยมศึ
กษาปี
ที่
1 มี
คุ
ณลั
กษณะ ความรั
บผิ
ดชอบ ความรั
กและเห็
น คุ
ณค่
าในตนเอง ความมี
ระเบี
ยบ
วิ
นั
ย ความเป็
นประชาธิ
ปไตย ความรั
กชาติ
ศาสน์
กษั
ตริ
ย์
ความประหยั
ด ความสามั
คคี
ความอดทด อดกลั
้
น ความ
เสี
ยสละ และความอุ
ตสาหะ สู
งกว่
าก่
อนใช้
ชุ
ดกิ
จกรรม ฯ อย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .001 แต่
คุ
ณลั
กษณะความ
ใฝ่
เรี
ยนใฝ่
รู
้
ก่
อนและหลั
งการร่
วมกิ
จกรรมแตกต่
างกั
นอย่
างไม่
มี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
สาหรั
บนั
กเรี
ยนระดั
บชั
้
นมั
ธยมศึ
กษาปี
ที่
4 พบว่
าหลั
งการใช้
ชุ
ดกิ
จกรรมแนะแนวเพื่
อเสริ
มสร้
างคุ
ณลั
กษณะ
ที่
พึ
งประสงค์
มี
คุ
ณลั
กษณะ ความรั
บผิ
ดชอบ ความมี
ระเบี
ยบวิ
นั
ย ความสามั
คคี
ความเสี
ยสละ ความใฝ่
รู
้
ใ ฝ่
เรี
ยน ความ
รั
กและเห็
นคุ
ณค่
าในตนเอง ความประหยั
ด ความรั
กชาติ
ศาสน์
กษั
ตริ
ย์
ความเป็
นประชาธิ
ปไตย สู
งกว่
าก่
อนใช้
ชุ
ด
กิ
จกรรม ฯ อย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .001 และคุ
ณลั
กษณะด้
าน ความอุ
ตสาหะ ความอดทนอดกลั
้
น สู
งกว่
าก่
อน
ใช้
ชุ
ดกิ
จกรรมฯ อย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .05 ส่
วน คุ
ณลั
กษณะด้
าน ความซื่
อสั
ตย์
ความมี
มารยาท ก่
อนและ
หลั
งการร่
วมกิ
จกรรมแตกต่
า งกั
นอย่
างไม่
มี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ซึ
่
งไม่
สอดคล้
องกั
บการพั
ฒนานวั
ตกรรมเพื่
อพั
ฒนา
คุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
สาหรั
บการพั
ฒนาที่
ยั่
งยื
น ด้
านความซื่
อสั
ตย์
ชั
้
นมั
ธยมศึ
กษาปี
ที่
5 และชั
้
นมั
ธยมศึ
กษาปี
ที่
6
ของนั
กเรี
ยนโรงเรี
ยนกาแพงวิ
ทยา จั
งหวั
ดสตู
ล ที่
มี
คุ
ณธรรมด้
านความซื่
อสั
ตย์
หลั
งใช้
แผนการจั
ดการเรี
ยนรู
้
แต่
ละสาระ
การเรี
ยนรู
้
สู
งกว่
าก่
อนการใช้
อย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ . 001 และการวิ
จั
ยผลการจั
ดกิ
จกรรมการเรี
ยนรู
้
แบบบู
รณา
การโดยใช้
สื่
อประสมเพื่
อพั
ฒนาคุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
ด้
านความรั
บผิ
ดชอบ ทั
กษะการทางานร่
วมกั
บผู
้
อื่
น และความ
สนใจใฝ่
รู
้
ของนั
กเรี
ยนช่
วงชั
้
นที่
1-3 โรงเรี
ยนเมื
องปั
ตตานี
ปรากฏว่
าโดยภาพรวมจากการทดสอบหลั
งจากการใช้
แผนการจั
ดการเรี
ยนรู
้
แบบบู
รณาการโดยใช้
สื่
อประสมสู
งกว่
าก่
อน การใช้
อย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .001 และการ
วิ
จั
ยการพั
ฒนาคุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
แบบยั่
งยื
นด้
านค่
านิ
ยมความเป็
นไทย ( จิ
ตอาสา ความรั
บผิ
ดชอบ ความพอเพี
ยง
ภู
มิ
คุ
้
มกั
น มารยาททางสั
งคมและรั
กสั
นติ
) หลั
งการ ใช้
กระบวนการสร้
างค่
านิ
ยมเชิ
งบู
รณาการ
กั
บนั
กเรี
ยนชั
้
น
มั
ธยมศึ
กษาปี
ที่
2 3 5 และ 6 ของโรงเรี
ยนป่
าพะยอมพิ
ทยาคม จั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง สู
งกว่
าก่
อนการใช้
อย่
างมี
นั
ยสาคั
ญทาง
สถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .001 ( สุ
ริ
ยา เหมตะศิ
ลป . 2550 ) ทั
้
งนี
้
บางคุ
ณลั
กษณะที่
ไม่
มี
ความแตกต่
างกั
นระหว่
างก่
อนและหลั
งการ
ใช้
ชุ
ดกิ
จกรรม อาจเป็
น เพราะการเสริ
มสร้
างคุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
ขึ
้
นอยู
่
กั
บคุ
ณลั
กษณะของผู
้
เรี
ยน การอบรมเลี
้
ยงดู
ระยะเวลาในการจั
ดกิ
จกรรม แรงจู
งใจในการเรี
ยน ( วั
ฒนา พาผล , 2551 ) และพบว่
า การเลี
้
ยงดู
แบบประชาธิ
ปไตย
ส่
งผลต่
อการให้
เหตุ
ผลเชิ
งจริ
ยธรรม ด้
านความซื่
อสั
ตย์
( สมาพร ภั
ทรพงศ์
กิ
จ , 2551 ) อี
กทั
้
งการเสริ
มสร้
าง
คุ
ณลั
กษณะที่
พึ
งประสงค์
ขึ
้
นอยู
่
กั
บอาชี
พของบิ
ดา มารดา ด้
วย ( ศุ
ภวดี
บุ
ญญวงศ์
)
3. ผลการประเมิ
นความพึ
งพอใจในการร่
วมกิ
จกรรม พบว่
า นั
กเรี
ยนมี
ความพึ
งพอใจในการร
่่
วมกิ
จกรรม
ในระดั
บมากทุ
กรายการ นั่
นคื
อสามารถตอบสนองตามทฤษฎี
ความพึ
งพอใจ ซึ
่
งเห็
นว่
าแรงจู
งใจจะเป็
นตั
วสร้
างความพึ
ง
พอใจ ทฤษฎี
หนึ
่
งที่
กล่
าวถึ
งมาก คื
อ ทฤษฎี
ลาดั
บขั
้
นของความต้
องการของมาสโลว์
(Maslow’s Theory of Hierachy of